มารู้จัก Travel Bubble กันเถอะครับ ว่ามันดียังไง สำคัญต่อการใช้ชีวิตประจำวันของเราอย่างไร และจะพาการท่องเที่ยวไทย กลับมาเป็นปกติได้หรือไม่
Travel Bubble ก็คือการที่กลุ่มประเทศนั้นตกลงที่จะเปิดประเทศให้แก่กันและกัน เพื่อที่จะให้ผู้คนนั้นสามารถเดินทางไปในอีกประเทศหนึ่งได้ โดยไม่ต้องกักตัว 14 วัน ในการทำ Travel Bubble นี้แน่นอนว่าจะต้องใช้ความเชื่อมั่นและความเชื่อใจในการควบคุมไวรัสในอีกประเทศหนึ่งมาก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการตรวจสอบ การติดตาม และการกักตัวที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งทาง Per Block นักวิจัยจาก Oxford ก็ได้เผยว่าวิธีที่ง่ายที่สุดก็คือ “ทั้งสองประเทศนั้นจะต้องไม่มีจำนวนเคสผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นเลย” รวมถึงจะต้องไม่อนุญาติประเทศอื่น ๆ เข้ามาอีกด้วย ซึ่งการทำเช่นนี้จะช่วยให้คนสามารถเดินทางและกักตัวได้ในขอบเขตที่กว้างขึ้นและยังปลอดภัย รวมถึงการทำนั้นอนุญาติให้คนแต่ละประเทศนั้นสามารถเดินทางได้ ซึ่งก็หมายความว่าการทำเช่นนี้จะเป็นตัวช่วยสำคัญในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว
ประเทศที่เริ่มนำมาใช้
ในตอนนี้ก็ได้มีประเทศที่เริ่มสนใจในการทำบ้างแล้ว อย่างเช่นประเทศออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ ซึ่งสองประเทศนี้ก็เป็นตัวอย่างความสำเร็จที่สามารถจะจัดการและควบคุมสถานการณ์การระบาดของ COVID-19 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ (ออสเตรเลียมีเคสผู้ติดเชื้อใหม่ 15 รายและนิวซีแลนด์มีศูนย์ราย) ซึ่งทางรัฐบาลก็ได้เตรียมวางแผนที่จะอนุญาติให้ผู้พักอาศัยในสองประเทศนี้เดินทางไปกลับได้ ซึ่งจาก CNN เผยว่าชาวออสเตรเลียจำนวนกว่า 40% นั้นเดินทางไปยังนิวซีแลนด์ “ถ้าสองประเทศนี้สามารถแสดงว่าเป็นไปได้ ประเทศอื่น ๆ ก็อาจจะนำวิธีนี้ไปใช้เช่นกัน” ซึ่งหากจำนวนผู้ติดเชื้อในออสเตรเลียนั้นเหลือศูนย์ ทั้งสองประเทศก็อาจจะทำข้อตกลงอย่างเสร็จสมบูรณ์
นอกเหนือจากนี้ประเทศในกลุ่มประเทศบอลติกอย่าง เอสโทเนีย ลัตเวีย และลิทัวเนีย ก็ได้เริ่มเปิดประเทศเมื่อวันที่ 15 พฤษภาคมที่ผ่านมา ทำให้ผู้ทำพำนักอาศัยอยู่ในประเทศเหล่านี้สามารถเดินทางไปยัง 3 ประเทศนี้ได้ ในส่วนของฟินแลนด์และโปแลน หากจำนวนผู้ติดเชื้อนั้นเหลือน้อยลง ก็อาจจะเข้าร่วมในกลุ่มประเทศบอลติกเช่นกัน
ในส่วนของเช็กเกียก็ได้เริ่มวางแผนที่จะเปิดประเทศในวันที่ 8 มิถุนายนนี้แล้ว ซึ่งผู้ที่จะเข้ามาในประเทศจะต้องมาจากประเทศที่อยู่ในระดับปลอดภัยแล้ว ซึ่งอาจจะเป็นกลุ่มประเทศออสเตรีย สโลวาเกีย และโครเอเชีย ซึ่งตอนนี้ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาอยู่ และประเทศเยอรมันก็กำลังวางแผนการเปิดประเทศกับฝรั่งเศส ออสเตรียและสวิตเซอร์แลนด์ในวันที่ 15 มิถุนายนนี้หากมีการควบคุมไวรัสที่มีประสิทธิภาพ
ไทยเตรียมจับคู่การท่องเที่ยว
ปฎิเสธไม่ได้ว่าไทยนั้นถือว่าเป็นหนึ่งในประเทศที่พึ่งพาการท่องเที่ยวอย่างมาก และแน่นอนว่าก็ได้รับผลกระทบมากเช่นกัน ในการเข้าช่วยเหลืออุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ประเทศไทยก็กำลังอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาจับคู่การเดินทางเช่นกัน ซึ่งนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬานั้นเผยว่าสถานการณ์การระบาดของไวรัส COVID-19 ในประเทศไทยนั้นดีขึ้นแล้ว จากการควบคุมอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ผู้ติดเชื้อส่วนมากนั้นเป็นผู้ติดเชื้อที่เข้ามาจากต่างประเทศเท่านั้น ซึ่งการทำของไทยนั้นถึงแม้จะอยู่ในขึ้นตอนการหารือ แต่ก็คาดว่าจะสามารถเริ่มได้ในปลายปีนี้
Travel Bubble แปลตรงๆ ก็คือ ฟองอากาศของการท่องเที่ยวด้านในของฟองอากาศ คือ ประเทศที่มีการจับคู่ หรือรวมกลุ่มกัน
เพื่อให้มีการเดินทางระหว่างกันได้โดยไม่ต้องผ่านขั้นตอนการกักตัว (State Quarantine) 14 วันแต่ใช่ว่าทุกประเทศจะสามารถเข้าไปอยู่ด้านในฟองอากาศนี้ได้
เพราะด้านในของแต่ละฟอง ต้องเป็นคู่หรือกลุ่มประเทศที่สามารถควบคุมการระบาดของโควิด-19 ได้แล้วอย่างมีประสิทธิภาพ และยินยอมให้ไปมาหากันเพราะฉะนั้น ประเทศที่ยังมีจำนวนผู้ติดเชื้อสูง และยังคุมสถานการณ์ได้ไม่ดีพอ
ก็จะไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปในฟองอากาศเหล่านั้นส่วนประเทศในฟองอากาศแต่ละฟอง อาจมีเงื่อนไขที่แตกต่างกันไปตามแต่ตกลง
เช่น ต้องมีใบรับรองว่ามีสุขภาพแข็งแรงไม่มีการติดเชื้อ หรืออนุญาตเฉพาะการเดินทางเพื่อทำธุรกิจหรือธุระจำเป็นเท่านั้นเท่ากับว่า ไม่จำเป็นต้องรอให้มีวัคซีน หรือรอให้เชื้อไวรัสหมดไป
กลุ่มประเทศที่พร้อม ก็สามารถกลับมาเปิดประเทศให้ไปมาหาสู่กันได้
เพื่อช่วยให้หลายฝ่ายที่ได้รับผลกระทบจากการปิดประเทศ ค่อยๆ ฟื้นตัวกลับมาแล้วการทำ Travel Bubble มันเกิดขึ้นแล้วหรือยัง?ก็ต้องตอบว่า มีทั้งกลุ่มที่เริ่มทำแล้ว และกลุ่มที่กำลังจะเริ่ม
กลุ่มที่เริ่มทำแล้ว ประกอบด้วย1. กลุ่มประเทศแถบทะเลบอลติก ในยุโรปตะวันออก
ประกอบด้วย ลัตเวีย ลิทัวเนีย เอสโตเนีย
กลุ่มนี้อนุญาตให้ประชากรทุกคนเดินทางไปมาได้อย่างเสรี
และเริ่มทำ ตั้งแต่วันที่ 15 พฤษภาคม2. คู่ระหว่างสิงคโปร์กับบางมณฑลในจีน
อนุญาตให้เฉพาะนักธุรกิจหรือข้าราชการที่มีใบอนุญาต และใบรับรองสุขภาพเท่านั้น
โดยมณฑลในจีนที่จับกลุ่มกับสิงคโปร์ คือ เซี่ยงไฮ้ กวางตุ้ง เจ้อเจียง เทียนจิน เจียงซู และฉงชิ่ง
กลุ่มนี้เริ่มทำแล้ว ตั้งแต่วันที่ 6 มิถุนายนกลุ่มที่กำลังจะเริ่มทำ เช่น1. กลุ่มประเทศสแกนดิเนเวีย
ประกอบด้วย นอร์เวย์ และเดนมาร์ก
ยกเว้น สวีเดน ที่ยังคงมีจำนวนผู้ติดเชื้อสูง และใช้วิธีปล่อยให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่ (Herd Immunity)
กลุ่มนี้จะเริ่มทำในวันที่ 15 มิถุนายน2. กลุ่มประเทศในทะเลแทสมัน
ประกอบด้วย นิวซีแลนด์ กับ ออสเตรเลีย
กลุ่มนี้จะเริ่มทำในเดือนกันยายน3. กลุ่มประเทศในยุโรป
ประกอบด้วย เยอรมนี สวิตเซอร์แลนด์ ลิกเตนสไตน์ ออสเตรีย
กลุ่มนี้จะเริ่มทำในวันที่ 15 มิถุนายน
นอกจากกลุ่มประเทศที่ว่ามานี้
ยังมีอีกหลายกลุ่ม ที่อยู่ในช่วง “กำลังพิจารณา” เพื่อเปิดให้มีการเดินทางในรูปแบบนี้
รวมถึง “ประเทศไทย”ซึ่งการเปิดให้มีการเดินทางระหว่างประเทศในรูปแบบฟองอากาศนี้
ถ้าเราลงทุนสร้างมาตรฐานการควบคุมให้ดี ก็จะช่วยจำกัดความเสี่ยงของการระบาดระลอก 2 ได้
และจะช่วยให้ภาคการท่องเที่ยวของไทย ฟื้นตัวกลับมาได้ไม่น้อยด้วยความสำเร็จในการรับมือการระบาดของโควิด-19 ของไทย
ประเทศไทยตอนนี้กำลังเนื้อหอม และเป็นที่หมายตาของหลายประเทศในการถูกเลือกเข้าไปในฟองสบู่ลูกต่างๆ ที่เกิดขึ้นคำถามที่สำคัญคือ
ประเทศไหนดีพอจะมาอยู่ใน Bubble เดียวกับเรา
และเราจะได้ประโยชน์อย่างไรในการอยู่ Bubble เดียวกับประเทศนั้นเลือกประเทศดีๆ แล้วไทยจะได้ประโยชน์มหาศาลจากฟองสบู่ลูกนี้
เพราะเรากำลังเป็น “คนสวย” ที่เลือกได้..
หลังสถานการณ์โควิด-19 บ้านเราดีขึ้นมาตามลำดับ ปลอดผู้ติดเชื้อภายในประเทศมากว่า 2 สัปดาห์ จนรัฐบาลคลายล็อกในเฟส 3 ให้คนไทยสามารถเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศได้ พร้อมกับมีแผน “แจกเงินเที่ยว” เพื่อหวังกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านกิจกรรมไทยเที่ยวไทย
นอกจากนี้รัฐบาลลุงตู่ ยังมองข้ามชอร์ตไปถึงการเปิดการท่องเที่ยวระหว่างประเทศ เพื่อเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติให้กลับเข้ามาเที่ยวเมืองไทยอีกครั้ง ภายใต้เงื่อนไขเรื่องความปลอดภัยจากจากโควิด-19
หลังสถานการณ์โควิด-19 บ้านเราดีขึ้นมาตามลำดับ ปลอดผู้ติดเชื้อภายในประเทศมากว่า 2 สัปดาห์ จนรัฐบาลคลายล็อกในเฟส 3 ให้คนไทย สามารถเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศได้ พร้อมกับมีแผน “แจกเงินเที่ยว” เพื่อหวังกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านกิจกรรมไทยเที่ยวไทย
นอกจากนี้รัฐบาลลุงตู่ ยังมองข้ามชอร์ตไปถึงการเปิดการท่องเที่ยวระหว่างประเทศ เพื่อเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติให้กลับเข้ามาเที่ยวเมืองไทยอีกครั้ง ภายใต้เงื่อนไขเรื่องความปลอดภัยจากจากโควิด-19
หลังสถานการณ์โควิด-19 บ้านเราดีขึ้นมาตามลำดับ ปลอดผู้ติดเชื้อภายในประเทศมากว่า 2 สัปดาห์ จนรัฐบาลคลายล็อกในเฟส 3 ให้คนไทยสามารถเดินทางท่องเที่ยว ภายในประเทศได้ พร้อมกับมีแผน “แจกเงินเที่ยว” เพื่อหวังกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านกิจกรรมไทยเที่ยวไทย
นอกจากนี้รัฐบาลลุงตู่ ยังมองข้ามชอร์ตไปถึงการเปิดการท่องเที่ยวระหว่างประเทศ เพื่อเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติให้กลับเข้ามาเที่ยวเมืองไทยอีกครั้ง ภายใต้เงื่อนไขเรื่องความปลอดภัยจากจากโควิด-19
ที่มา Techsauce , Longtunman , thebangkokinsigh