Point of view
วัน-เวลาทำการ : เราจะติดต่อกลับในเวลาทำการ : จันทร์ - ศุกร์ 09.00 - 17.00
(หยุดวันเสาร์ - อาทิตย์ และ วันหยุดตามปฏิทิน)
ติดต่อข่าวสารโปรโมชั่นทัวร์
qrcode
@povtravel

เที่ยวตุรกี เที่ยวสบายๆ สไตล์ตุรกี ทริปเดียวเที่ยวได้2ทวีป

ธันวาคม 4, 2019 | by Point of view

เที่ยวตุรกี ถ้าพูดถึงประเทศ ประเทศตุรกี คุณไม่ต้องเสียเวลาไปนั่งทำวีซ่าก็สามารถเดินทางมาท่องเที่ยวได้อย่างง่ายๆ โดยภายในประเทศแห่งนี้นั้นจะเต็มไปด้วยบ้านเรือนที่มีความเก่าแก่และสถาปัตยกรรมอันสวยงาม เก็บกระเป๋าแล้วบินลัดฟ้าไปกับหมีพอยท์

1. มัสยิดสีน้ำเงิน

เที่ยวตุรกี ที่แรก นั้นก็คือ มัสยิดสีน้ำเงิน หรือ สุเหร่าสีฟ้า แหล่งท่องเที่ยวชื่อดังของเมืองตุรกี ที่มีความโดดเด่นในเรื่องของความสวยงามจากสถาปัตยกรรมหอมินาเร็ต ซึ่งเป็นหอสวดมนต์ขนาดใหญ่ โดยมีการตกแต่งและประดับประดาไปด้วยกระเบื้องโทนสีฟ้า รวมไปถึงกระจกกว่า 280 บาน ในส่วนของการตกแต่งภายในนั้น ดูหรูหราเว่อร์วังมากด้วยหน้าต่างสองร้อยกว่าบาน สลับสล้างด้วยหน้าต่างกระจกสีอันวิจิตร ส่องแสงสะท้อนเข้าตา มันดูน่าหลงไหลไม่น้อย ว่ากันว่าทุ่มทุนสร้างถึง 7 ปีจนในที่สุดก็กลายเป็นสิ่งมหัศจรรย์ของตุรกีครับ

2.มาร์ดิน

เมืองมาร์ดิน ตั้งอยู่บนที่ราบเมโสโปเตเมีย ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศตุรกี เป็นเมืองโบราณและมีสถาปัตยกรรมที่เป็นที่รู้จักกันดีโดยการการสร้างขึ้นด้วยหินที่นำมาวางซ้อนกันตกแต่งอย่างสวยงาม เป็นเมืองที่เก่าแก่ที่สุดบนพื้นที่เมโสโปเตเมีย และพบว่าซากเมืองที่เหลืออยู่มีอายุย้อนไปถึง 4,000 ปี มีวิวทิวทัศน์ที่สวยงามมากเมื่อถ่ายภาพจากเมืองเก่าโดยมีวิวทิวเขาอยู่ด้านหลังสวยงามดังภาพวาดกันเลยทีเดียว

3.เมืองอังการา

เมือง Ankara แม้ว่าจะเป็นเมืองหลวงแต่ก็ยังมีความใหญ่เป็นอันดับสองรองจาก Istanbul ส่วนใหญ่จะเป็นพิพิธภัณฑ์ซึ่งมีให้เลือกมากมาย ภายในมีพิพิธภัณฑ์ที่รวบรวมเรื่องราว และข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ เป็นเมืองที่เดินเล่นๆไปทั่วได้เรื่อยๆ มีของกิน ร้านอาหารที่คนท้องถิ่นทานกันจริงๆ และที่สำคัญAtaturk Mausoleum ไม่ควรพลาด ต้องมาชมให้ได้ นอกจากจะทำใด้ชมแบบดีมากๆแล้วยังเข้าฟรี

Klook.com

4.วิหารเซนต์โซเฟีย

วิหารเซนต์ โซเฟีย แห่งนี้ เป็นงานสถาปัตยกรรมแบบ ไบแซนไทน์ คือมีลักษณะผสมผสาน ระหว่างศิลปวัฒนธรรมกรีก และโรมัน กับศิลปวัฒนธรรมเปอร์เซีย จุดเด่นคือ มียอดโดมใหญ่อยู่กลางวิหาร ภายในวิหารใช้กระจกสีประดับ เหนือประตูหน้าต่างอย่างงดงาม เดิมเป็นโบสถ์ในคริสต์ศาสนา อยู่ในกรุงคอนสแตนตินโนเปิล (ปัจจุบัน คือ เมืองอิสตันบูล) ประเทศตุรกี สร้างขึ้นโดยจักรพรรดิ คอนสแตนติน แห่งอาณาจักรโรมันตะวันออก

5.สุสานอตาเติร์ก

เป็นอนุสรณ์สถาน และสุสานของ MUSTAFA KEMAL ATATURK ซึ่งเป็นผู้นำในสงครามกู้อสิระภาพของตุรกี หลังสงครามโลกครั้งที่ 1 รวมถึงเป็นผู้ก่อตั้ง และเป็นประธานาธบดีคนแรกของสาธารณรัฐตุรกีอีกด้วยครับ ถ้าเดินทางมาเมืองอังการา แล้วต้องแวะมาเที่ยวที่สุสานอตาเติร์ก ให้ได้นะครับ

6.หอสมุดเซลซุส

ห้องสมุดเซลซุสตั้ง เมืองเอเฟซุส ประเทศตุรกี ซึ่งเมืองเอเฟซุสเป็นถิ่นที่อยู่ของมนุษย์มาตั้งแต่สมัยปลายยุคโลหะ ในราวศตวรรษที่ 7 ก่อนคริสตกาล ภายใต้การปกครองของอาณาจักรลิเดีย เอเฟซุสเป็นเมืองที่รุ่งเรืองและมั่งคั่งที่สุดในแถบทะเลเมดิเตอร์เรเนียน และรุ่งเรืองถึงขีดสุดอีกครั้งภายใต้การปกครองของโรมัน เป็นเมืองใหญ่ที่สุด 1 ใน 5 ของจักรวรรดิโรมัน และใหญ่ที่สุดในเขตเอเชียอีกด้วยครับ

7.เฮียราโพลิส

นครโบราณเฮียราโพลิส หรือเรียกอีกอย่างนึงว่า เมืองแห่งความศักดิ์สิทธิ์ เป็นหนึ่งสถานที่เที่ยวตุรกี ซึ่งเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวมากมายที่ต่างพากันเดินทางมาท่องเที่ยว ณ สถานที่แห่งนี้ เนื่องจากในบริเวณนี้นั้นมีอายุมากกว่า 2,000 ปี ตั้งอยู่บนหน้าผาสูงกว่า 200 เมตร นักท่องเที่ยวสามารถไปเที่ยวได้ตลอดทั้งปี ช่วงเวลาที่ดีที่สุดคือฤดูใบไม้ผลิ เดือนมีนาคม – กลางเดือนมิถุนายน ซึ่งเป็นช่วงที่สภาพอากาศของประเทศตุรกีกำลังดี ไม่ร้อนหรือหนาวจนเกินไปครับผม

8.bodrum

เมือง โบดรัม ก็ถือว่ามีความงดงามและน่ามาเที่ยวชมเป็นอย่างยิ่ง ล้วนแต่มีความสวยงามและน่ามาเที่ยวชมเป็นอย่างมาก เป็นมนต์เสน่ห์ที่ตราตรึงใจผู้ที่มาเที่ยวชมอยู่ไม่คลายก็ตาม และหนึ่งในประเทศสองวัฒนธรรมแห่งดินแดนยุโรปอย่างตุรกี โดยเป็นเมืองตากอากาศสุดหรูของตุรกี โดยที่พักสุดหรูจำนวนมากเเทรกตัวอยู่ท่ามกลางของเเหล่งโบราณคดีที่มีความสำคัญ กลายเป็นมนต์เสน่ห์ที่ใครมาเที่ยวที่เมืองเเห่งนี้เเล้วจะสัมผัสได้ โดยช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดที่จะมาเที่ยวยังเมืองโบดรัมนั้นน่าจะเป็นในช่วงเวลาเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนเมษายนครัยผม

9.คัปปาโตเซีย

คัปปาโดเกีย ตั้งอยู่บริเวณตอนกลางของประเทศพอดี ภูมิประเทศแถบนี้แห้งแล้งเต็มไปด้วยโตรกผารูปทรงประหลาด มีเนินเขาสลับทุ่งราบเวิ้งว้างสุดลูกหูลูกตา เรียกว่าภูมิประเทศกึ่งทะเลทราย เพราะเขตนี้อยู่ไกลจากทะเลดำและทะเลเมดิเตอร์เรเนียนมาก จึงแทบไม่มีความชุ่มชื้นมาหล่อเลี้ยงผืนดินเลย ประกอบกับความเร่าร้อนของเปลวแดดที่แผดเผาอยู่ชั่วนาตาปี สลับกับหิมะและอุณหภูมิติดลบในฤดูหนาว จึงก่อเกิดเป็นภูมิทัศน์อัศจรรย์อย่างคัปปาโดเกียขึ้นนั้นเอง

Klook.com

10.ปามุคคาเล่ หรือ ปราสาทปุยฝ้าย

ปามุคคาเล่ หรือแปลว่า ปราสาทปุยฝ้าย อยู่ในเมืองชื่อเดียวกัน จังหวัดเดนิซลี ประเทศตุรกี เป็นเนินเขาสีขาวของหินปูน มีความยาวประมาณ 2.7 กิโลเมตร สูง 160 เมตร เกิดจากน้ำพุร้อนที่นำแคลเซียมคาร์บอเนตมาตกตะกอน ปามุกกาเลถูกเลือกให้เป็นมรดกโลกร่วมกับฮีเอราโปลิส สายน้ำที่ถูกอากาศเย็นตัวลงทำให้แคลเซียมตกตะกอน เกิดเป็นอ่างแคลเซียมธรรมชาติ ขนาดมหึมา เรียกว่า ปามุกคาเล ในยุคโรมันสถานที่แห่งนี้เป็นเมืองตากอากาศที่สวยงาม

กดชมโปรแกรมได้ที่นี่ คลิก

ประวัติศาสตร์ประเทศตุรกี

ตุรกี เป็นประเทศที่มีประวัติศาสตร์ความเป็นมายาวนานและน่าสนใจมาก ทั้งในเรื่องการค้าและการปกครอง ที่กว่าจะมาเป็นดินแดน 2 ทวีปได้นั้น ต้องผ่านสงครามและการแย่งชิงมาเยอะมาก แต่ถ้าจะให้เล่าถึงเรื่องราวประวัติศาสตร์สมัยก่อนที่จะมาเป็นประเทศตุรกี รับรองว่าเล่า 3 วันก็ไม่จบ แต่เราจะนำเรื่องราวทั้งหมดมาย่อให้สั้น และเล่าให้เข้าใจกันแบบง่ายๆนะคะ

ย้อนไปเมื่อประมาณ 1,200 ปี ก่อนคริสตกาล บริเวณชายฝั่งตะวันตกของอานาโตเลียถูกครอบครองโดยชาวกรีกเรื่อยมาจนถึง 334 ปีก่อนคริสตกาล ภายหลังอานาโตเลียถูกแบ่งเป็นดินแดนเฮลเลนิสติก ขนาดเล็กหลายแห่ง ซึ่งอยู่ภายใต้การปกครองของจักรวรรดิโรมันในกลางศตวรรษที่ 1 ก่อนคริสตกาล

และต่อมาในปี ค.ศ. 324 จักรพรรดิคอนสแตนตินที่ 1 ได้ครองอำนาจ และตั้งไบแซนเทียมให้เป็นเมืองหลวงและโดยตั้งชื่อใหม่ว่า “โรมใหม่”ในปี ค.ศ. 330นั้นเอง  จักรพรรดิคอนสแตนตินที่ 1 ครองราชได้ไม่นานก็สิ้นพระชน ในปี ค.ศ. 337 ทำให้จักรพรรดิคอนสแตนตินที่ 2 ได้ครองอำนาจสืบเนื่องต่อมาหลายรุ่น มาจนถึงยุคที่ชาวโรมันเสื่อมอำนาจลง

หลังการล่มสลายของจักรวรรดิโรมัน นักประวัติศาสตร์ได้เรียกอาณาจักรโรมันว่า อาณาจักรไบเซนไทน์ตามชื่อเมืองไบเซนทิอุม ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นของยุคไบเซนไทน์ และเจริญรุ่งเรืองที่สุดในปี ค.ศ. 527-565 อยู่ภายใต้อำนาจการปกครองของของจักรพรรดิจัสติเนียน ผู้ที่สร้างวิหารเซนต์โซเฟียอันยิ่งใหญ่  แต่พอสิ้นจักรพรรดิจัสติเนียน อาณาจักรไบเซนไทน์ก็ค่อยๆ เสื่อมอำนาจลงจนในปี ค.ศ. 1204 กรุงคอนสแตนติโนเปิลถูกโจมตีและยึดครองโดยกองทหารครูเสด นานถึง 6 ปี

ส่งผลให้พวกเติร์กเริ่มรุกรานเข้าสู่ของอาณาจักรไบเซนไทน์มากยิ่งขึ้น โดยมี สุลต่านเป็นผู้นำชาวเติร์กเผ่าเซลจุก เข้ามายึดเมืองและคว้าชัยชนะในสงคราม แต่อาณาจักรเซลจุกก็รุ่งเรืองอยู่ได้ไม่นาน ก็เกิดการรบกันเอง ทำให้อาณาจักรเซลจุกล่มสลายในปี ค.ศ. 1157 และแตกออกเป็นหลายแว่นแคว้น

ในขณะเดียวกัน ออสมันผู้นำเผ่าคายี ซึ่งเป็นชาวเติร์กได้ถือโอกาสประกาศตนเป็นเอกราชและสถาปนาอาณาจักรของตนเองขึ้น เรียกว่าอาณาจักร ออตโตมัน ทำให้ออตโตมันเติร์กซึ่งเคยเร่ร่อนได้ลงหลักปักฐานที่เมืองบูร์ซ่า จนถึงช่วงที่สุลต่านออร์ฮันบุตรของ ออสมันสิ้นพระชนม์ เมืองหลวงของออตโตมันก็ย้ายไปที่เมืองเอดิร์เน ซึ่งตั้งประชิดติดกับอาณาจักรไบแซนไทน์ที่ถูกล้อมรอบโดยอาณาจักรออตโตมัน

และภายหลัง สุลต่านเมห์เหม็ดที่ 2 ได้เริ่มเปิดฉากการโจมตีกรุงคอนสแตนติโนเปิล จนสามารถยึดครองเมืองได้สำเร็จในปี ค.ศ.1453 ทำให้จักรวรรดิโรมันที่สามารถอยู่รอดมาได้ยาวนานถึง 1,123 ปีปิดฉากลงโดย มีจักรพรรดิทั้งหมด 82 พระองค์ และสุลต่านได้เปลี่ยนชื่อเมืองคอนสแตนติโนเปิลเป็น อิสตันบูล และเปลี่ยนโบสถ์เซนต์ โซเฟีย ให้เป็นมัสยิดของศาสนาอิสลามแทน

มาถึงช่วงที่จักรวรรดิออตโตมันเข้าสู่ยุคเสื่อมและล่มสลายลงภายหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 เกิดจากการฉ้อราษฎร์บังหลวงของเหล่าขุนนาง ส่งผลให้การเมืองภายในประเทศอ่อนแอ และภายหลังได้มีการยกเลิกระบบสุลต่านลง

ในปี ค.ศ.1922 ซึ่งนำไปสู่การสถาปนาสาธารณรัฐตุรกี ซึ่งมีกรุงอังการาเป็นเมืองหลวงของปรเทศ เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม ค.ศ. 1923 และสืบเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน

  1. ประเทศซีเรีย และทางใต้ประเทศนี้ก็ติดกับประเทศ อีรัก
  2. ประเทศอีหร่าน
  3. ประเทศอาร์มีเนีย
  4. นาคีชีวัน ซึ่งดินแดนแยกออกมา อยู่ระหว่างทางตะวันออกของ อาเซอร์ไบจาน
  5. ประเทศจอร์เจีย ทางตะวันออกเฮียงเหนือ
  6. ประเทศบัลแกเรีย ทางตะวันตกเฉียงเหนือ
  7. ประเทศกรีซ ทางตะวันตก