เที่ยวอังกฤษ Stratford-upon-Avon เป็นเมืองค้าขายในเขต Warwickshire ประเทศอังกฤษ ซึ่งตั้งอยู่ริมแม่น้ำ Avon เมืองนี้เป็นเมืองที่นิยมในหมู่นักท่องเที่ยวครับ เนื่องจากเป็นบ้านเกิดของนักเขียนบทละครและนักกวีชื่อดัง “William Shakespeare”
เที่ยวอังกฤษ ที่เที่ยวน่าสนใจ
Shakespeare’s Birthplace
เที่ยวอังกฤษ Shakespeare’s Birthplace บ้านเกิดกวีเอกเชคสเปียร์ส เกิดและเติบโตที่เมือง Stratford Upon Avon เขาประสบความสำเร็จในการเป็นนักแสดงในกรุงลอนดอน รวมถึงการเป็นนักเขียน ได้ร่วมเป็นหุ้นส่วนในคณะละคร Lord Chamberlain’s Men ซึ่งในภายหลังมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักในชื่อ King’s Men เชกสเปียร์เกษียณตัวเองกลับไปยังสแตรทฟอร์ดในราวปี ค.ศ. 1613 และเสียชีวิตในอีกสามปีต่อมา
Anne Hathaway’s Cottage
Anne Hathaway’s Cottage กระท่อมชนบทของ Anne Hathaway ภรรยาของเชคสเปียร์ส (Shakespeare) กวีเอกผู้ยิ่งใหญ่ของอังกฤษและของโลก กระท่อมสไตล์ทิวเดอร์ สร้างในศตวรรษที่ 15 มีบริเวณพื้นที่มากกว่า 90 เอเคอร์ และมีจำนวณ 12 ห้อง ตัวกระท่อมห่างจากตัวเมือง Stratford-upon-Avon ราวหนึ่งไมล์
Harvard’s House
Harvard’s House บ้านของ แคทเธอลีน โรเจอร์ส คุณแม่ของจอห์น ฮาร์ดวาร์ด ผู้ก่อตั้งมหาวิทยาลัย Harvard รูปทรงของบ้านสวยงามแปลกตาทีเดียว ปัจจุบันนี้ ทำเป็นพิพิธภัณฑ์ดีบุกและตะกั่ว
Klook.comCanal Basin
แหล่งพักผ่อนใจกลางเมือง สามารถพายเรือในแม่น้ำ Avon ได้
การเดินทาง
นั่งรถไฟจาก London ขึ้นที่สถานี Marylebone มาประมาณ 2 ชั่วโมง สำหรับสายตรง แล้วเดินต่อเข้าเมืองได้เลย ราคาตั๋วรถไฟประมาณ £32 สำหรับขาเดียว ไปกลับ £64
ที่พักแนะนำ
Mercure Stratford Upon Avon Shakespeare Hotel โรงแรม 4 ดาว ตั้งอยู่ใจกลางเมือง โดยตึกด้านนอกเป็นสไตล์ทิวเดอร์ ที่เป็นเอกลักษณ์ของเมือง
The Arden Hotel โรงแรม 4 ดาว ตั้งอยู่ในใจกลางเมือง ใกล้แหล่งท่องเที่ยวสำคัญ
ประวัติศาสตร์สหราชอาณาจักร (อังกฤษ: History of the United Kingdom) เป็นประวัติศาสตร์ของอาณาจักรที่เกิดจากการรวมตัวของราชอาณาจักรอังกฤษที่รวมทั้งราชอาณาจักรเวลส์ กับ ราชอาณาจักรสกอตแลนด์เป็นอาณาจักรเดียวกันเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคมค.ศ. 1707 ตามสนธิสัญญาสหภาพ (Treaty of Union) ที่ลงนามกันเมื่อวันที่ 22 กรกฎาคนค.ศ. 1706 พระราชบัญญัติได้รับการอนุมัติทั้งโดยรัฐสภาแห่งอังกฤษและรัฐสภาแห่งสกอตแลนด์ แต่ละสภาก็ผ่านพระราชบัญญัติสหภาพ ก่อนหน้านั้นราชอาณาจักรอังกฤษและราชอาณาจักรสกอตแลนด์เป็นราชอาณาจักรอิสระที่แยกจากกันแม้ว่าจะมีการปกครองโดยพระมหากษัตริย์ร่วม (Union of the Crowns) กันมตั้งแต่ปี ค.ศ. 1603 เมื่อสมเด็จพระเจ้าเจมส์ที่ 6 แห่งสกอตแลนด์ทรงขึ้นครองราชย์ต่อจากสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 1 แห่งอังกฤษเป็นสมเด็จพระเจ้าเจมส์ที่ 1 แห่งอังกฤษ การรวมตัวกันในปี ค.ศ. 1707 ทำให้เกิดราชอาณาจักรบริเตนใหญ่ ที่มีพระมหากษัตริย์ภายใต้รัฐธรรมนูญองค์เดียวกันและรัฐสภาร่วมกันที่เวสต์มินสเตอร์ นักประวัติศาสตร์ไซมอน ชามา (Simon Schama) กล่าวถึงราชอาณาจักรใหม่ว่า “เรื่องที่เริ่มโดยการรวมตัวกันอย่างคู่อริกลายมาเป็นรวมตัวของหุ้นส่วนที่กลายมาเป็นสิ่งที่มีอำนาจมากที่สุดในโลก…ซึ่งเป็นเหตุการณ์ของความเปลี่ยนแปลงที่น่าฉงนที่สุดในประวัติศาสตร์ยุโรป” พระราชบัญญัติฉบับต่อมาพระราชบัญญัติสหภาพ (Act of Union (1800)) ที่ออกในปี ค.ศ. 1800 รวมราชอาณาจักรไอร์แลนด์ที่ทำให้เกิดสหราชอาณาจักรแห่งเกรตบริเตนและไอร์แลนด์
ก่อนหน้า ค.ศ. 1707 ประวัติศาสตร์หมู่เกาะอังกฤษเป็นประวัติศาสตร์ที่เริ่มตั้งแต่สมัยเคลท์, การรุกรานของโรมันในบริเวณตอนใต้ของแม่น้ำฟอร์ธที่รวมบริเตนเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของจักรวรรดิโรมัน หลังจากนั้นก็เป็นการขยายตัวของแองโกล-แซ็กซอน ระหว่างคริสต์ศตวรรษที่ 5 ถึง 6, การรุกรานของไวกิงในคริสต์ศตวรรษที่ 9 ไปจนถึงชัยชนะของชาวนอร์มันต่ออังกฤษในปี ค.ศ. 1066 ในคริสต์ศตวรรษที่ 9 อังกฤษและสกอตแลนด์ก็แยกตัวจากกัน เกาะอังกฤษมิได้รับการรุกรานที่สำคัญอีกหลังจากปี ค.ศ. 1066 ซึ่งทำให้ทั้งอังกฤษและสกอตแลนด์ต่างก็มีโอกาสวิวัฒนาการระบบการปกครองที่กลายมาเป็นรากฐานของการรวมตัวกันเป็นสหราชอาณาจักร
ประวัติศาสตร์ในสมัยแรกของสหราชอาณาจักรเห็นการการปฏิวัติจาโคเบียน (Jacobite rising) ที่ได้รับความพ่ายแพ้ในยุทธการคัลโลดัน (Battle of Culloden) และในปี ค.ศ. 1746 ต่อมาในชัยชนะในสงครามเจ็ดปี ในปี ค.ศ. 1763 ที่ทำให้จักรวรรดิบริติชกลายเป็นมหาอำนาจที่มีอำนาจมากที่สุดมหาอำนาจหนึ่งในประวัติศาสตร์ เมื่อมาถึงปี ค.ศ. 1921 จักรวรรดิบริติชก็มีประชากรทั้งหมดราว 458 ล้านคน ราวหนึ่งในสี่ของประชากรของโลก
ในปี ค.ศ. 1922 ดินแดนที่ปัจจุบันเป็นสาธารรัฐไอร์แลนด์ก็ได้รับอิสรภาพ เหลือแต่ไอร์แลนด์เหนือที่ยังเป็นส่วนหนึ่งของสหราชอาณาจักร ฉะนั้นในปี ค.ศ. 1927 สหราชอาณาจักรจึงเปลี่ยนชื่อเป็น “สหราชอาณาจักรแห่งเกรตบริเตนและนอร์ทเธิร์นไอร์แลนด์” ที่เรียกสั้นๆ ว่า “สหราชอาณาจักร” หลังสงครามโลกครั้งที่สอง อาณานิคมต่างๆ ของจักรวรรดิบริติชก็ได้รับอิสรภาพ ในบรรดาประเทศเหล่านี้ต่อมกก็มาเป็นสมาชิกของเครือจักรภพแห่งชาติซึ่งเป็นกลุ่มประเทศอิสระ บางประเทศก็ยังมีพระมหากษัตริย์อังกฤษเป็นประมุข
ขอบคุณข้อมูลประวัติจาก วีกิพีเดีย
Booking.com