
ออกตามหาของฝากเด็ดจากญี่ปุ่นที่คุณต้องซื้อ! บอกเลยว่ามีให้เลือกละลานตาจนบางทีก็เลือกไม่ถูกเลยครับ ไม่ว่าจะเป็นของกิน เครื่องสำอาง ของใช้ หรือแม้แต่ของสะสมสุดน่ารัก ญี่ปุ่นมีของที่ “ต้องมี” เต็มไปหมดเลย! ซึ่งในร้านอย่าง DONKI (ดองกิ) ก็มักจะมีสินค้าเหล่านี้ให้เลือกซื้อครบครันเลยครับ
ขนมและของกินเล่น:
- Kit Kat รสแปลกๆ: เช่น ชาเขียว, สตรอว์เบอร์รี่ชีสเค้ก, มันหวาน
- Tokyo Banana: ขนมเค้กกล้วยหอมชื่อดัง
- Shiroi Koibito: คุกกี้สอดไส้ไวท์ช็อกโกแลตจากฮอกไกโด
- มันฝรั่ง Jaga Pokkuru: ขนมขบเคี้ยวจากฮอกไกโด
- ขนมปังกรอบ Glico Pretz/Pocky รสพิเศษ: ที่มีเฉพาะในญี่ปุ่น
- ลูกอมและช็อกโกแลต: เช่น Pure Gummy, Meltykiss
- Royce’ Chocolate: ช็อกโกแลตสดชื่อดังจากฮอกไกโด เนื้อนุ่มละลายในปาก มีหลายรสชาติให้เลือก
เครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์ดูแลผิว:
- มาสก์หน้า LuLuLun: มาสก์ยอดนิยมที่มีสูตรหลากหลาย
- โฟมล้างหน้า Senka Perfect Whip: โฟมล้างหน้าเนื้อนุ่ม
- กันแดด Anessa: กันแดดยอดนิยมของญี่ปุ่น
- ผลิตภัณฑ์ของ Shiseido, SK-II, Kanebo: โดยเฉพาะรุ่นหรือขนาดพิเศษที่มักมีโปรโมชัน
สินค้าสุขภาพและยา:
- ยาหยอดตา Rohto/Sante: ยาหยอดตาที่มีความเย็นระดับต่างๆ
- แผ่นแปะร้อนลดปวดเมื่อย: เช่น Kairo
- วิตามินและอาหารเสริม: บางชนิดที่ได้รับความนิยมในญี่ปุ่นง















“Tax-free” ที่ญี่ปุ่น (免税, menzei) หมายถึง การยกเว้นภาษีการบริโภค (Consumption Tax) ให้กับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาในญี่ปุ่นแบบชั่วคราว (non-resident) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวและกระตุ้นเศรษฐกิจ
ภาษีการบริโภคของญี่ปุ่น (Consumption Tax หรือ JCT) เป็นภาษีที่คล้ายกับภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ในหลายๆ ประเทศ อัตราภาษีมาตรฐานปัจจุบันอยู่ที่ 10% แต่จะมีอัตรา 8% สำหรับสินค้าอาหารและเครื่องดื่มบางประเภท (ยกเว้นแอลกอฮอล์และการรับประทานอาหารในร้านอาหาร)
สำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ (Non-residents): ผู้ที่ไม่มีถิ่นที่อยู่ในญี่ปุ่น และเดินทางเข้าญี่ปุ่นด้วยสถานะ “Temporary Visitor” (พำนักชั่วคราว) โดยต้องพำนักอยู่ในญี่ปุ่นไม่เกิน 6 เดือน
สินค้าที่สามารถขอคืนภาษีได้แบ่งเป็น 2 ประเภทหลักๆ คือ:
ข้อกำหนดพิเศษ: สินค้าประเภทนี้มักจะถูกบรรจุในถุงพลาสติกใสแบบปิดผนึก (sealed bag) และ ห้ามแกะหรือเปิดใช้ในญี่ปุ่นเด็ดขาด จนกว่าจะเดินทางออกจากประเทศ
สินค้าทั่วไป (General Goods): เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้า, เสื้อผ้า, กระเป๋า, รองเท้า, เครื่องประดับ, นาฬิกา, ของที่ระลึก
เงื่อนไข: ต้องซื้อสินค้าจากร้านเดียวกันในวันเดียวกัน รวมมูลค่าตั้งแต่ 5,000 เยนขึ้นไป (ไม่รวมภาษี)
สินค้าอุปโภคบริโภค (Consumable Goods): เช่น อาหาร, ขนม, เครื่องดื่ม (ไม่รวมแอลกอฮอล์), เครื่องสำอาง, ยา, ผลิตภัณฑ์สุขภาพ
เงื่อนไข: ต้องซื้อสินค้าจากร้านเดียวกันในวันเดียวกัน รวมมูลค่าตั้งแต่ 5,000 เยนขึ้นไป (ไม่รวมภาษี) และไม่เกิน 500,000 เยน (ไม่รวมภาษี) คุณต้องแสดง พาสปอร์ตตัวจริง พร้อมกับตราประทับการเข้าประเทศ
การเปลี่ยนแปลงสำคัญที่จะเกิดขึ้น (ตั้งแต่ 1 พ.ย. 2026 เป็นต้นไป)
รัฐบาลญี่ปุ่นกำลังปรับเปลี่ยนระบบ Tax-Free ครั้งใหญ่เพื่อป้องกันการทุจริตและการนำสินค้าปลอดภาษีมาบริโภคในประเทศ:
- เปลี่ยนเป็นระบบคืนเงิน ณ สนามบิน: นักท่องเที่ยวจะต้อง ชำระราคาสินค้าเต็มจำนวน (รวมภาษี) ที่ร้านค้า
- ขอคืนภาษี ณ สนามบิน: จากนั้นจึงไปทำเรื่องขอคืนภาษีที่เคาน์เตอร์เฉพาะในสนามบินเมื่อเดินทางออกจากญี่ปุ่น โดยจะต้องแสดงสินค้าที่ซื้อมาเพื่อยืนยันว่าสินค้านั้นถูกนำออกนอกประเทศจริง
- สินค้าที่ส่งกลับประเทศผ่านบริการขนส่งระหว่างประเทศ จะไม่มีสิทธิ์ได้รับการยกเว้นภาษีอีกต่อไป (มีผลตั้งแต่ 1 เม.ย. 2025)







ออกตามหาของฝากเด็ดจากญี่ปุ่นที่คุณต้องซื้อ! ทั้งหมดที่ทางหมีพอยท์แนะนำเป็นเพียงการแนะนำข้อมูลเบื้องต้นเพื่อให้เตรียมตัวก่อนเดินทางไปท่องเที่ยวญีปุ่น หมีพอยท์พร้อมให้บริการแบบครบวงจร จะเป็นประสบการณ์ที่น่าประทับใจอย่างแน่นอนครับ
สนใจสอบถามรายละเอียดจัดไปแบบส่วนตัวแบบ 10 ท่านขึ้นไป คลิกไลน์แอดที่นี่ โทร 081-170-1166 หรือ เมล์ INFO@POVTRAVEL.CO.TH เข้าเว็บ Point of View Travel