Point of view
วัน-เวลาทำการ : เราจะติดต่อกลับในเวลาทำการ : จันทร์ - ศุกร์ 09.00 - 17.00
(หยุดวันเสาร์ - อาทิตย์ และ วันหยุดตามปฏิทิน)
ติดต่อข่าวสารโปรโมชั่นทัวร์
qrcode
@povtravel

ชม 5 ที่เที่ยวนอร์เวย์ดินแดนแห่งแสงเหนือ

พฤศจิกายน 23, 2022 | by Point of view

ถ้าพูดถึงแสงเหนือแล้ว จุดหมายปลายทางที่นักท่องเที่ยวต่างอยากไปตามล่าหาแสงเหนือนั้นก็คือประเทศนอร์เวย์ ด้วยภูมิประเทศอยู่ในจุดที่สามารถเจอกับปรากฏการณ์นี้ได้ง่ายๆ ไปตามล่าแสงเหนือ ชมปรากฏการณ์ทางธรรมชาติสุดคูล ตามล่าออโรร่ากับ 5 พิกัดแสงเหนือกัน มาทำความรู้จักแสงเหนือกันก่อนเลย

ออโรรา (Aurora Polaris or Aurora Borealis) หรือแสงเรืองรองสีแปลก ๆ บนท้องฟ้า ซึ่งส่วนใหญ่เกิดในบริเวณแถบขั้วโลก และเรียกว่า “แสงเหนือ” และ “แสงใต้” ต่างกันไปตามพื้นที่ แสงออโรรา จะเกิดเหนือพื้นดินตั้งแต่ 100 – 300 เมตร แสงเหล่านี้ จะให้ความรู้ว่าอยู่ใกล้แค่เอื้อม แต่ความจริงแล้วมีระยะทางที่ห่างไกล แสงออโรรามีหลายสี มีทั้งสีเขียว, สีฟ้า, สีชมพู, สีแดง, สีเหลือง และสีม่วง

แต่ที่เห็นได้บ่อยที่สุดก็ คือ สีเขียว และสีเหลือง โดยสีเหล่านี้เกิดจากการชนกันระหว่างก๊าซในชั้นบรรยากาศโลกกับอนุภาคไฟฟ้าที่ถูกปล่อยออกมาจากพลังงานแสงอาทิตย์ จึงก่อให้เกิดการระเบิดเป็นสีต่าง ๆ แต่ละสีนั้นขึ้นอยู่กับว่าเกิดในชั้นบรรยากาศไหน และเกิดจากก๊าซอะไร ส่วนใหญ่จะเกิดในแถบขั้วโลกเหนือมากกว่าขั้วโลกใต้ในช่วงเวลาตั้งแต่ 22.00 – 24.00 น. มักเกิดในช่วงเดือน กันยายน, ตุลาคม, กุมภาพันธ์, มีนาคม และเมษายน แสงเหนือจะเกิดบริเวณแถบขั้วโลกเหนือ (Arctic) เช่น ประเทศแคนาดา, กรีนแลนด์, รัฐอะแลสกาในสหรัฐอเมริกา, ไอซ์แลนด์, สวีเดน, ฟินแลนด์รวมถึงนอร์เวย์นี่เอง ส่วนแสงใต้จะเกิดในแถบขั้วโลกใต้ (Antarctica) สามารถมองเห็นแสงใต้ได้ที่ประเทศนิวซีแลนด์, ออสเตรเลีย เป็นต้น

สำหรับที่มาที่ไปของแสงออโรร่าสวยๆ นั้น เกิดจากดวงอาทิตย์ระเบิดที่พื้นผิวของตัวเองตลอดเวลา ซึ่งเป็นเรื่องปกติและเมื่อดวงอาทิตย์ปะทุระเบิดก็จะเกิดสิ่งที่เรียกว่า ลมสุริยะ (Solar Wind) ออกมาซึ่งเป็นอนุภาคประจุไฟฟ้าที่ถูกปล่อยมาด้วยความเร็วสูง จากนั้นลมสุริยะนี้จะมีการพุ่งเข้ามาที่โลก พุ่งตรงมาที่ขั้วแม่เหล็กโลก ซึ่งขั้วแม่เหล็กของโลกเราจะมีขั้วแม่เหล็กใต้อยู่ที่ขั้วโลกเหนือและขั้วแม่เหล็กเหนืออยู่ที่ขั้วโลกใต้ ด้วยความเร็วสูงมากๆ ของลมสุริยะที่พุ่งเข้ามาหาขั้วแม่เหล็ก จึงทำให้เกิดเป็นแสงสีสวยๆ ที่เราได้เห็นกันคือ แสงเหนือ แสงใต้ นั่นเอง

ข้อควรรู้ก่อนไปดูแสงเหนือ

ต้องเข้าใจก่อนว่าแสงเหนือ แสงใต้คือปรากฎการณ์ธรรมชาติ ซึ่งขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย มีหลายคนที่เตรียมตัวและตั้งใจไปดูแสงเหนือกันเต็มที่แต่กลับต้องผิดหวัง เพราะฉะนั้นสิ่งสำคัญคือ ดูพยากรณ์แสงเหนือก่อนที่จะเดินทางไป ตัวชี้วัดการเกิดแสงเหนือคือค่า Kp index 

เป็นค่าวัดความเข้มข้นของแสงเหนือ เช่น ค่า Kp 1 อาจจะเห็นได้บางส่วนของประเทศ แต่ถ้าเข้มข้นถึง Kp 3 ก็จะได้เห็นทั่วประเทศ ของแต่ละประเทศก็ไม่เท่ากัน สำหรับประเทศนอร์เวย์ดูพยากรณ์ได้ที่ http://www.norway-lights.com

การถ่ายรูปให้ติดแสงเหนือ หากใช้กล้องถ่ายโหมด Auto หรือใช้โทรศัพท์มือถืออาจจะไม่คมชัด ภาพเบลอ แต่ถ้าอยากถ่ายภาพแสงเหนือสวยๆ ควรพกกล้อง DSLR, Mirrorless และขาตั้งกล้องที่แข็งแรงไป วิธีการตั้งค่ากล้อง แนะนำดังนี้ ตั้งเป็นโหมดแมนนวล (Manual)

ปรับโฟกัสให้เป็น Focus to Infinity ใช้ F ที่ 2.8 ส่วน Speed Shutter อยู่ที่ประมาณ 5-10 วินาที ISO 2,500 ขึ้นไป 

ข้อมูลจาก shopbacktrip

1.Tromso

ที่ Tromso เป็นเมืองที่เหมาะแก่การดูแสงหนือในช่วงฤดูร้อนค่ะ และที่สำคัญคือ Tromso เป็นเมืองที่ค่อนข้างใหญ่ มีครบทุกอย่างเลย ถ้าใครที่ไม่อยากคิดอะไรมากมายกับการมาตามหาแสงเหนือ

ที่ Tromso มีบริษัททัวร์เยอะแยะมากมายให้บริการสำหรับการไปตามหาแสงเหนือ นอกจากนี้ยังมีพวกกิจกรรมชมฟาร์มกวางเรนเดียร์ หรือว่าซื้อทัวร์สุนัขลากรถเลื่อนก็ได้นะ สำหรับช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการที่จะมาตามหาแสงเหนือที่ Tromso นั่นก็คือช่วงเกือน กันยายน – เมษายนค่ะ อ้อ แต่ถ้าใครเป็นสายถ่ายรูปละก็ การซื้อทัวร์ที่ Tromso อาจจะไม่เหมาะกับคุณเท่าไหร่

2.Alta

Alta ขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองแห่งแสงเหนือของนอร์เวย์เลยก็ว่าได้ เพราะที่นี่อยู่ห่างจาก Artic Circle เพียงแค่ 375 กิโลเมตรเท่านั้นเองค่ะ และที่ Alta ก็เป็นหมู่บ้านเล็กๆ แต่ไม่ต้องกังวลไปนะเพราะเหตุผลทีทุกคนเดินทางไปยัง Alta เพราะต้องการจะไปรอชมแสงเหนือนี่แหละ นอกจากจะเป็นจุดหมายหลักในการเดินทางไปชมแสงเหนือแล้ว ที่ Alta เองยังได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจาก UNESCO ด้วยนะ

3.Svalbard

ถ้าใครอยากดูแสงเหนือตลอดทั้งวันละก็ ต้องมาที่ Svalbard เลยค่ะ Svalbard เป็นชื่อหมู่เกาะที่อยู่ระหว่างนอร์เวย์และขั้วโลกเหนือ เป็นแห่งเดียวที่คุณจะสามารถชมแสงเหนือได้ตลอดทั้งวัน โดยเฉพาะในช่วงเดือนเดือนพฤศจิกายน ยาวไปจนถึงกลางเดือนกุมภาพันธ์ ค่ะ นอกจากการได้มาชมแสงเหนือแล้ว ที่ Svalbard ยังมีกิจกรรมอื่นๆอีกด้วยเช่นการนั่งรถสุนัขลากเลื่อน หรือเล่นสกี ก็สามารถทำได้ที่ Svalbard ได้เช่นกัน

4.Lyngen Fjord

Lyngenfjord เป็นอีกที่ ที่มีชื่อเสียงในการมารอชมแสงเหนือ เมือง Lyngenfjord อยู่ระหว่าง Tromso กับ Alta ค่ะ ที่เมือง Lyngenfjord ในช่วงกลางคืนท้องฟ้าจะปลอดโปร่งมาก เรียกได้ว่าบรรยากาศเป็นใจให้ไปตามหาแสงเหนือสุดๆ ทำให้ที่ Lyngenfjord เป็นเมืองที่ช่างภาพไปตามเก็บภาพแสงเหนือมากที่สุดอีกด้วย

ที่สำคัญเมือง Lyngenfjord เดินทางจาก Tromso ไม่ยากเลยค่ะ นั่งรถเพียงแปปเดียวเท่านั้น แต่ถ้าจะให้ดี แนะนำให้มาพักที่ Lyngenfjord ดูสักคืนเพื่อเตรียมตัวรอคอยชมแสงเหนือดีกว่า

5.Lofoten

เกาะ Lofoten เป็นจุดที่เรียกได้ว่าเป็นจุดชมแสงเหนือที่สวยที่สุดในประเทศนอร์เวย์เลยค่ะ เกาะ Lofoten อยู่ทางตอนเหนือของนอร์เวย์ ซึ่งที่เกาะ Lofoten นั้นเราสามารถมองเห็นแสงเหนือในมุมที่สะท้อสจากทะเลได้ดลยนะ เป็นอีกมุมมองหนึ่งที่สวยไม่แพ้กันเลยค่ะ นอกจาะนี้ที่เกาะ Lofoten นั้นยังมีหมู่บ้านชาวประมงเล้กๆที่พวกเขายังคงอาศัยกันอยู่ ซึ่งเจ้าหมู่บ้านชาวประมงเล็กๆนี่แหละ ที่เป็นมุมขวัญใจข่างภาพทั่วโลกที่อยากจะถ่ายรูปหมู่บ้านนี้กับแสงเหนือดูซักครั้ง

ขอบคุณข้อมูลจาก Tourkrub

เข้าชมโปรแกรมทัวร์ไปนอร์เวย์ ท่องเที่ยวกับทัวร์ได้เลย ได้เลย คลิกที่นี่

ทั้งนี้ บริษัท พอยท์ ออฟ วิว ทราเวล จำกัด เรามีบริการจัดกรุ๊ปทัวร์ ทัวร์หมู่คณะ บริการวางแผนท่องเที่ยว เหมาะสำหรับท่านที่ชอบการท่องเที่ยว ชอบเที่ยวเองแบบส่วนตัว กับครอบครัว หรือกลุ่มเพื่อนสนิท จัดกิจกรรมภายในองค์กรไม่ว่าจะเป็นจัดรายการท่องเที่ยว จัดทัวร์ กรุ๊ปทัวร์ กรุ๊ปเหมา ดูงาน ดูงานแฟร์ ท่องเที่ยว สัมนา ต่างประเทศ

สนใจสอบถามรายละเอียด คลิกไลน์แอดที่นี่ โทร 081-170-1166 หรือ เมล์ INFO@POVTRAVEL.CO.TH หรือสนใจทัวร์ท่องเที่ยวต่างประเทศ คลิกเลย ที่นี่