ไปเที่ยวญี่ปุ่น พยากรณ์ใบไม้เปลี่ยนสี 2019 Autumn in Japan?
พยากรณ์ใบไม้เปลี่ยนสีพร้อมชมใบไม้เปลี่ยนสีทั่วญี่ปุ่น
?สวัสดีครับ วันนี้หมีพอยท์มาแจ้งพยากรณ์ใบไม้เปลี่ยนสีที่ญี่ปุ่น ระยะเวลาของใบไม้เปลี่ยนสีก่อนร่วง วิธีดูคือจะใช้เวลาประมาณ 2 สัปดาห์นะครับ นับจากวันที่เริ่ม เท่านี้ก็จะรู้เวลาที่ใบไม้ร่วงโดยประมาณแล้วครับผม ?
?เช็คก่อนเที่ยว ไปถึงไม่ผิดหวังแน่นอน หมีพอยท์การันตีครับ
เมือง | วันที่พยากรณ์ใบไม้แดง (ต้นเมเปิ้ล) | |
Sapporo | 7 พฤศจิกายน | |
Aomori | 14 พฤศจิกายน | |
Sendai | 26 พฤศจิกายน | |
Tokyo | 3 ธันวาคม | |
Kanazawa | 27 พฤศจิกายน | |
Nagano | 22 พฤศจิกายน | |
Nagoya | 30 พฤศจิกายน | |
Kyoto | 8 ธันวาคม | |
Osaka | 1 ธันวาคม | |
Wakayama | 10 ธันวาคม | |
Hiroshima | 26 พฤศจิกายน | |
Kochi | 5 ธันวาคม | |
Fukuoka | 7 ธันวาคม | |
Kagoshima | 10 ธันวาคม |
เมือง | วันที่พยากรณ์ใบไม้เหลือง (ต้นแปะก๊วย) | |
Sapporo | 4 พฤศจิกายน | |
Aomori | 2 พฤศจิกายน | |
Sendai | 18 พฤศจิกายน | |
Tokyo | 20 พฤศจิกายน | |
Kanazawa | 12 พฤศจิกายน | |
Nagano | 8 พฤศจิกายน | |
Nagoya | 20 พฤศจิกายน | |
Kyoto | 24 พฤศจิกายน | |
Osaka | 20 พฤศจิกายน | |
Wakayama | 21 พฤศจิกายน | |
Hiroshima | 17 พฤศจิกายน | |
Kochi | 12 พฤศจิกายน | |
Fukuoka | 12 พฤศจิกายน | |
Kagoshima | 24 พฤศจิกายน |
ใบไม้เปลี่ยนสีในญี่ปุ่นจะไล่จากเหนือลงใต้ โดยเกาะฮอกไกโดจะเริ่มเปลี่ยนที่แรก แล้วก็จะไล่เปลี่ยนตามๆ กันมา ใครอยากไปชมใบไม้เปลี่ยนสีที่เมืองไหนๆ เที่ยวกับเรา ดูโปรแกรมทัวร์ก่อนได้ที่ http://povtravel.co.th/japan/
ภูมิอากาศ
ฤดูใบไม้ผลิ : มีนาคม เมษายน พฤษภาคม
เมื่อดอกบ๊วยเบ่งบานเป็นสัญญาณว่าฤดูหนาวกำลังจะหมดไปและฤดูใบไม้ผลิกำลังจะมาถึง หลังจากนั้นดอกซากุระก็จะเริ่มบานตามมาและจะเบ่งบานสะพรั่งสวยงามที่สุดในแถบโตเกียวระหว่างช่วงปลายเดือนมีนาคมถึงต้นเดือนเมษายน ในช่วงฤดูกาลนี้ทิวทัศน์ของภูเขาทุ่งนาและสวนต่างๆจะปกคลุมไปด้วยสีชมพูสวยงามดูอ่อนหวานนุ่มนวล
เสื้อที่ควรเตรียมไป
ถ้าไปต้นฤดูใบไม้ผลิ จะยังเป็นรอยต่อของช่วงฤดูหนาวอยู่อากาศยังหนาวสำหรับคนไทย ควรเตรียมแจ็กเก็ตและสเว็ตเตอร์กันหนาวไป เตรียมเสื้อด้านในที่ให้ความอบอุ่นไปและสวมเสื้อคลุม แจ็กเก็ตหรือคาร์ดิแกน หรือเสื้อคลุมบางตัวยาว ผ้าพันคอ ผ้าคลุมไหล่
ควรเตรียมกางเกงขายาว กางเกงขายาวแนบเนื้อตัวหนา ถุงน่องแบบหนา และถุงเท้ายาว พร้อมรองเท้าหุ้มส้น หรือรองเท้าบูทแบบหุ้มข้อ
Klook.comฤดูร้อน : มิถุนายน กรกฎาคม สิงหาคม
ฤดูร้อนของญี่ปุ่นจะเริ่มขึ้นในเดือนมิถุนายนกับมีฝนตกร่วม 3 – 4 สัปดาห์ นี่คือเวลาที่สำคัญสำหรับเกษตรกรสำหรับการปลูกข้าว และหลังจากเดือนกรกฎาคมเป็นต้นไปอากาศจะชื้นและร้อนขึ้นอย่างมาก ชาวญี่ปุ่นจำนวนมากจึงนิยมไปเที่ยวทะเลเพื่อว่ายน้ำ และพักผ่อนตามบ้านพักตากอากาศในภูเขาที่มีอากาศเย็นสบาย ฤดูร้อนยังเป็นช่วงที่มีงานเทศกาลและมีการจัดกิจกรรมที่น่าสนใจขึ้นมากมายทั่วประเทศ
เสื้อที่ควรเตรียมไป
เสื้อผ้าแบบเมืองร้อน เสื้อแขนกุดพร้อมเสื้อทับด้านนอก เสื้อยืดแขนสั้น ชุดเดรส กางเกงหรือกระโปรงสั้น กางเกงขายาว ถุงเท้าแบบสั้น รองเท้าหุ้มส้นธรรมดาหรือ รองเท้าสาน โลชั่นกันแดด ชุดว่ายน้ำ แว่นตากันแดด หมวกสำหรับกันแดด แต่ควรให้นำแจ็กเก็ตหรือเสื้อคลุมอย่างบางไปด้วย สำหรับถ้าอากาศเย็นในช่วงกลางคืน และไม่ควรลืมผ้าเช็ดหน้า ผ้าฝ้าย หรือผ้าขนหนูผืนเล็กๆ สำหรับเช็ดเหงื่อ
ฤดูใบไม้ร่วง : กันยายน ตุลาคม พฤศจิกายน
ฤดูใบไม้ร่วงจะนำความสดชื่นมาพร้อมกับสายลมที่พัดเบาๆและอุณหภูมิที่เย็นสบายหลังจากความร้อนและชื้นของฤดูร้อนหมดไป ป่าทั้งผืนจะถูกย้อมด้วยสีสันของฤดูใบไม้ร่วงที่สวยงาม ดอกเก๊กฮวยที่บานสะพรั่งงดงามร่ายมนต์ให้นักท่องเที่ยวต้องเข้ามาเยี่ยมเยือนเพื่อชมตามสวนสาธารณะและสวนดอกไม้ต่างๆ ฤดูใบไม้ร่วงยังเป็นฤดูกาลสำหรับการจัดนิทรรศการมากมายในญี่ปุ่น รวมถึงการแสดงดนตรีและการแข่งขันกีฬาต่างๆ
เสื้อที่ควรเตรียมไป
แม้อากาศจะไม่หนาวเท่าฤดูหนาวแต่จะมีลมเย็นๆพัดตลอดทั้งวัน ควรเตรียมเสื้อคลุมแขนยาวสำหรับกันหนาวเพื่อสามารถถอดเข้า-ออกได้ในช่วงที่ออกนอกสถานที่ เสื้อผ้าที่ควรนำไป อาทิเช่น เสื้อยืดแขนยาว เสื้อแขนยาว เสื้อคอเต่าแขนยาว เสื้อคาร์ดิแกน เสื้อคลุม เสื้อแจ็กเก็ต สเว็ตเตอร์กันหนาว ผ้าพันคอแบบหนา กางเกงขายาว กระโปรงยาว กางเกงเล็กกิ้งตัวหนา ถุงน่องแบบหนา ถุงเท้า พร้อมรองเท้าหุ้มส้น หรือรองเท้าบู๊ท
ฤดูหนาว : ธันวาคม มกราคม กุมภาพันธ์
อุณหภูมิในฤดูหนาวของที่ราบตลอดชายฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิกนั้นมักจะไม่หนาวจัดจนต่ำกว่า 0 องศาเซลเซียส อากาศออกจะค่อนข้างแห้งและแจ่มใส ตอนกลางและตอนเหนือของประเทศญี่ปุ่นเป็นภูมิภาคที่มีชื่อเสียงเรื่องกีฬาฤดูหนาวอย่างมาก ส่วนทางตอนใต้ของประเทศญี่ปุ่นนั้นอากาศจะเย็นสบายและไม่หนาวจัดเมื่อเทียบกับภูมิภาคอื่น
เสื้อที่ควรเตรียมไป
ชุดกันหนาวไปให้พร้อม เสื้อและกางเกงแนบเนื้อด้านใน สำหรับให้ความอบอุ่นกับร่างกาย จำเป็นต้องมีเสื้อคลุมโอเวอร์โค๊ต ชุดผ้าขนสัตว์และแจ็คเก็ต ชนิดหนาเป็นพิเศษ ถ้าเป็นแบบกันน้ำได้ก็ยิ่งดี ผ้าพันคอแบบหนา ถุงมือ หมวกไหมพรมแบบกันหนาวได้ ถ้าหนาวมากอาจต้องมีที่ปิดหู ส่วนถุงเท้าให้ใส่แบบหนาๆ รองเท้าหุ้มข้อหรือรองเท้าบูทที่กันความหนาวเย็นและหิมะได้ ควรสวมใส่เสื้อผ้าให้อบอุ่นอยู่เสมอ
สกุลเงินและการแลกเปลี่ยนเงินตรา
สกุลเงินประเทศญี่ปุ่นเขียนเป็นภาษาญี่ปุ่น คือ “円” โดยจะมีสัญลักษณ์เป็น ” “¥” ซึ่งมีการเขียนตัวสะกดเป็น “Yen” หรือ “JPY” ในตัวอักษรต่างประเทศ
ฐานภาษีผู้บริโภคในประเทศญี่ปุ่นอยู่ที่ 8% เนื่องจากราคาสินค้าที่แสดงไว้จะเป็นราคารวมภาษีหรือไม่แล้วแต่ร้านค้า กรุณาถามพนักงานว่าสินค้านั้นได้รวมภาษีไว้ด้วยหรือไม่ เพื่อที่จะได้ทราบราคาที่แน่นอนก่อนตัดสินใจซื้อสินค้า
ไม่มีการจำกัดจำนวนเงินที่จะนำเข้าหรือนำออกจากประเทศญี่ปุ่นไม่ว่าจะเป็นเงินสกุลใด อย่างไรก็ตาม หากมีการนำสกุลเงินใดๆ เช็ค ตราสาร หรือเงินในรูปแบบอื่นๆเข้าหรือออกจากประเทศญี่ปุ่นมูลค่ามากกว่า 1,000,000 เยนจะต้องทำการแจ้งต่อกรมศุลกากรให้เรียบร้อย
หน่วยสกุลเงินญี่ปุ่นคือเยน เหรียญที่มีใช้อยู่คือเหรียญ 1, 5, 10, 50, 100 และ 500 เยน
และธนบัตรที่มีใช้อยู่คือธนบัตรมูลค่า 1,000, 2,000, 5,000 และ 10,000 เยน
คุณสามารถซื้อเงินเยนได้ที่ธนาคารรับแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศและร้านรับแลกเปลี่ยนเงินตราที่ได้รับอนุญาตทั่วไป สำหรับเคาน์เตอร์แลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศในสนามบินระหว่างประเทศนั้นมักจะเปิดในเวลาทำการปกติ และอัตราแลกเปลี่ยนจะมีความผันผวนในแต่ละวันแปรผันตามค่าของตลาดเงิน
แรงดันไฟฟ้าที่ใช้ทั่วประเทศญี่ปุ่นคือไฟฟ้ากระแสสลับขนาด 100 โวลต์ มีความถี่ในการใช้งาน 2 ชนิดคือ 50 เฮิรตซ์ในญี่ปุ่นตะวันออก และ 60 เฮิรตซ์ในญี่ปุ่นตะวันตก (รวมถึงนาโกย่า เกียวโต และโอซาก้า)
จึงควรมีเครื่องใช้ไฟฟ้าชนิดแปลงไฟฟ้าได้ติดไว้ เช่นไดร์เป่าผม เตารีดแบบพกพา และที่โกนหนวดหรือต้องมีตัวแปลงไฟฟ้าชนิดแปลงแรงดันขึ้นเพื่อเปลี่ยนแรงดันไฟฟ้า
ในญี่ปุ่นไม่ใช้ปลั๊กที่มีขาทรงเหลี่ยมหรือปลั๊ก 3 ขา แต่จะใช้ปลั๊กทรงแบน 2 ขาแทน จึงขอแนะนำให้ซื้อหัวแปลงปลั๊กไฟ (Adaptor Plug) เตรียมไว้ล่วงหน้า
ในประเทศญี่ปุ่น เป็นเรื่องง่ายที่จะหาอุปกรณ์ เช่น ปลั๊กแปลงขาเสียบและตัวแปลงไฟฟ้าในเขตตัวเมือง ซึ่งจะมีขายอยู่ในย่านอิเล็กทรอนิกส์ เช่น ย่าน Akihabara ที่ Tokyo และ ย่าน Nipponbashi ที่ Osaka หรือ ตามร้านขายเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดใหญ่
อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่นำติดตัวมานั้นสามารถหาที่ชาร์จได้ง่าย โดยผู้ที่มาท่องเที่ยวยังประเทศญี่ปุ่นมักจะไม่มีปัญหา เกี่ยวกับตัวปลั๊กเมื่อมาพักในโรงแรม นอกจากนี้ชินคันเซนรุ่นใหม่มีที่ชาร์จด้านข้าง หรือ ด้านใต้ที่นั่ง หากคุณต้องการข้อมูลเพิ่มเติมสอบถามทางเจ้าหน้าที่รถไฟ ในหลายปีที่ผ่านมา ร้านแฮมเบอร์เกอร์ที่มีสาขา และ ร้านอาหารแบบครอบครัวเริ่มมีสาขาที่มีปลั้กใต้ที่นั่งด้วย
เวลาที่ญี่ปุ่นเร็วกว่าไทยสองชั่วโมง
Klook.com