รวม 8 สิ่งน่าไปที่ดูไบ เมืองมหาเศรษฐีที่ยิ่งใหญ่ เที่ยวดูไบ และ อาบูดาบี สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เมืองอภิมหาเศรษฐี ที่เว่อร์วังอลังการ ถ้าได้มาเที่ยวดูไบ ก็คงต้องนึกถึงความหรูหรา ล้ำสมัย ร่ำรวย น้ำมัน ความยิ่งใหญ่ตระกาลตามาก
เพราะมันอลังการจริงจริ๊งงงงง จากเมืองทะเลทรายกลายเป็นเมืองสวรรค์ ทั้งโรงแรม แหล่งช๊อปปิ้ง และสถานที่ท่องเที่ยว แต่ละที่ขอบอกว่าปังๆ ทั้งนั้น ถ้าได้มาสักครั้งรับรองจะต้องติดใจอย่างแน่นอน ไปชมกันเลยว่ามีที่ไหนบ้างที่น่าไปบ้าง
1.Burj Khalifa หรือ บุรจญ์เคาะลีฟะฮ์
บุรจญ์เคาะลีฟะฮ์ (หอคอยเคาะลีฟะฮ์) หรือเดิมชื่อ บุรจญ์ดูไบ เป็นตึกระฟ้า สูงยวดยิ่ง ที่ก่อสร้างแล้วเสร็จเมื่อวันที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2552 และเปิดให้ใช้ได้อย่างเป็นทางการ เป็นส่วนหนึ่งของโครงการพัฒนาขนาดยักษ์มีที่ตั้ง ณ “ชุมทางเชื่อมต่างระดับที่ 1” ของถนนชิค ซาเยดและถนนโดฮา
ณ วันที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2551 ตัวอาคารได้ก่อสร้างขึ้นสูงถึง 629 เมตร ด้วยการแซงหน้า เสา KVLY-TV ที่ตั้งอยู่ในสหรัฐอเมริกา ซึ่งสูง 628.8 เมตร กลายมาเป็นสิ่งก่อสร้างที่สูงที่สุดในโลกแล้ว และในปัจจุบันสูงกว่า 828 เมตร บุรจญ์เคาะลีฟะฮ์ ออกแบบโดยสถาปนิก เอเดรียน สมิธ สถาปนิกจากชิคาโก
เป็นตึกที่สูงที่สุดในโลก ตั้งแต่ 2553 ถึง ปัจจุบัน มีจำนวนชั้น 162 ชั้น
2.เที่ยวสวนสนุกเฟอร์รารี่ เวิลด์ Ferrari World
รวม 8 สิ่งน่าไปที่ดูไบ เมืองมหาเศรษฐีที่ยิ่งใหญ่ ประสบการณ์สุดยอดนี่เป็นสิ่งที่ต้องไปเยี่ยมถ้าคุณอยู่ในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ พบกับประสบการณ์สุดพิเศษพร้อมเครื่องเล่น และ แหล่งท่องเที่ยวมากมาย สำหรับคนทุกเพศทุกวัย ได้ที่สวนสนุกเฟอร์รารี่ เวิลด์ อาบูดาบี (Ferrari World Abu Dhabi) ซึ่งเป็นสวนสนุกที่มีพื้นที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา (เทียบเท่า 7 สนามฟุตบอล) ทุกคนจะได้เพลิดเพลินไปกับสวนสนุกในธีมเฟอร์รารี่ แห่งแรกและแห่งเดียวในโลก ที่ซึ่งคุณสามารถฝึกทักษะการขับรถ F1 ในเส้นทางการแข่งขันจริงได้ สัมผัสนวัตกรรมต้นแบบของเฟอร์รารี่ที่ Made in Maranello ซึ่งเป็นการทัวร์โรงงานเฟอร์รารี่ที่จะทำให้คุณได้เรียนรู้ขั้นตอนการผลิตรถหรูอย่าง Ferrari GT! จากนั้นขึ้นไปยังเครื่องจำลองการแข่งรถ F1 ที่สมจริงและตื่นเต้นมากที่สุด ก่อนจะไปเพลิดเพลินกับเกมและกิจกรรมอินเตอร์แอคทีฟที่น่าสนใจต่าง ๆ กับ Fast Lane! และไม่ว่าคุณจะเป็นแฟนพันธุ์แท้ F1 หรือไม่ก็ตาม คุณก็จะได้รับความสุขและความสนุกที่สนุกเฟอร์รารี่ เวิลด์ ในอาบูดาบีแห่งนี้อย่างแน่นอน!
-พบกับเครื่องเล่นเกี่ยวกับความเร็วถึง 25 ชนิด รวมถึงการแสดงและแหล่งท่องเที่ยวต่าง ๆ ที่เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบความตื่นเต้นเร้าใจ
-ดื่มด่ำไปกับประสบการณ์การขับขี่รถ F1 ที่ไม่เหมือนใครกับเครื่องจำลองการแข่งรถสุดไฮเทค
-ฝึกเหยียบแผ่นคันเร่งที่ Karting Academy และวิ่งไปตามเส้นทาง 290 เมตรที่ได้รับแรงบันดาลใจจากสนามแข่งรถ F1 ของอาบูดาบี
-สัมผัสเครื่องยนต์ G-force ของเฟอร์รารี่กับเครื่องเล่นที่จะดีดคุณขึ้นไปกลางอากาศที่ความสูงถึง 62 เมตร
ปล.คนค่อนข้างเยอะ ควรซื้อควิกพาส เพื่อจะได้ไว ที่นี่มีโซนสำหรับทุกช่วงอายุ เหมาะกับทั้งครอบครัวเลยครับ เพื่อความสะดวกสบาย สามารถโชว์ e-ticket เพื่อเข้าสวนสนุกได้เลยหาซื้อได้เลยที่ KLOOK ค่าเข้าประมาณ 2,600 บาทไทย เอง ครับ
3. โรงแรม Burj Al Arab (บุรญุลอะร็อบ)
โรงแรม Burj Al Arab (บุรญุลอะร็อบ) เป็นโรงแรมที่หรูหราหมาเห่าสมคำล่ำลือ ในนครรัฐดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ มีความสูง 321 เมตร หรือ 1,050 ฟุต และเป็นโรงแรมที่สูงที่สุดอันดับที่ 4 ของโลก ระดับดาวมีถึงโรงแรม 7 ดาว และ มีความสูงเป็นอันดับที่ 57 ของโลก ตึกบุรญุลอะร็อบ ตั้งอยู่บนเกาะเทียมที่ถูกถมขึ้นห่างจากชายฝั่งจูไมราบีช 280 เมตร มีจำนวนชั้น 56 ชั้น มีลิฟต์ 18 ตัว และเชื่อมต่อด้วยสะพานที่มีลักษณะโค้ง ตึกบุรญุลอะร็อบ มีลักษณะโครงสร้างการออกแบบเพื่อเป็นสัญลักษณ์ของเมืองดูไบและตัวอาคารเลียนแบบมาจากใบของเรือใบ
ห้องในโรงแรมในบุรญุลอะร็อบมีลักษณะเป็นห้องสวีทคู่ 202 ห้อง โดยห้องที่เล็กสุดมีขนาด 169 ตร.ม. (1,819 ตร.ฟุต) และห้องใหญ่สุดมีขนาด 780 ตร.ม. (8,396 ตร.ฟุต) และได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในโรงแรมที่แพงที่สุดในโลก โดยราคาค่าที่พักอยู่เริ่มต้นที่ 1,000-15,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อคืน และห้องที่แพงสุดจะอยู่ที่ราคา 28,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อคืน รับรองว่าคุณจะได้ใช้ชีวิตประหนึ่งเจ้าหญิงสุดสวย และ เจ้าชายที่หล่อเหลาระดับนายแบบ เหมือนในเทพนิยายในโรงแรมสุดหรูหราอลังการ ไฮโซ แห่งนี้กันเลยครับ
4.พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ Dubai Mall Aquarium
เข้าไปสัมผัสโลกใต้น้ำที่ พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ Dubai Aquarium & Underwater Zoo ในดูไบ ที่นี่พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำที่ใหญ่ที่สุดในโลกกกกกก สำรวจอุโมงค์สัตว์น้ำความยาว 48 เมตรภายในพิพิธภัณฑ์ บรรจุน้ำทะเลไว้ถึง 10 ล้านลิตร ตั้งอยู่ในห้าง Dubai Mall เป็นห้างสรรพสินค้าที่ใหญ่ที่สุดในโลก และ ได้รับการบันทึกในกินเนสบุ๊คว่าเป็นตู้กระจกอะคริลิกขนาดใหญ่ที่สุดในโลกอีกด้วยครับ ทุกท่านสามารถมองเห็นสัตว์น้ำใต้ทะเลกว่า 33,000 ชนิด แบบพาโนรามาชัดๆ เต็มตากันไปเลยยยยยย และ ยังมีนกเพนกวิน แมวน้ำ ปลากระเบน ปลาปิรันยา มีฉลามและกระเบนแหวกว่ายอยู่กว่า 300 ตัว มีแมลงต่างๆ สัตว์เลื้อยคลาน และราชาจระเข้ที่ตัวใหญ่มากกกกก อายุมากกว่า 40 ปี ยาวกว่า 5 เมตร น้ำหนักถึง 750 กิโลกรัม!
มีค่าเข้าชม : ประมาณ 700 บาทไทย หาซื้อได้ล่วงหน้าที่เว็บ KLOOK
Klook.com5.ศูนย์การค้าดูไบ มอลล์ รัฐดูไบ ประเทศอาหรับเอมิเรตส์
ศูนย์การค้าดูไบ มอลล์ (Dubai Mall) แหล่งรวมร้านค้า และความบันเทิงที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลกนี้ตั้งอยู่บริเวณเดียวกับอาคารเบิร์จ คาลิฟา เจ้าของสถิติอาคารที่สูงที่สุดในโลก โดยศูนย์การค้าแห่งนี้ดูแลการสร้างโดยบริษัทในเครือเอมาร์ มอลล์ส กรุ๊ป (Emaar Malls Group) ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ของโลก และนับตั้งแต่เปิดตัว ก็สร้างสถิติใหม่ๆ ให้กับอุตสาหกรรมค้าปลีกหลายอย่างทั้งการเป็นศูนย์การค้าที่ใหญ่ที่สุดอันดับ 5 ของโลกกับพื้นที่ 3.77 ล้านตารางฟุต มีทั้งพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำที่ใหญ่ที่สุดอันดับ 8 ของโลก ลานสเก็ตน้ำแข็งมาตรฐานระดับโอลิมปิก ศูนย์รวมแบรนด์แฟชั่นสุดหรูบนพื้นที่กว่า 440,000 ตารางฟุต ฯลฯ
ศูนย์การค้าดูไบ มอลล์ (Dubai Mall) ศูนย์การค้าที่ใหญ่ที่สุดอันดับ 5 ของโลกแห่งนี้ มีร้านค้ากว่า 1,200 ร้าน ร้านอาหาร 200 ร้าน โรงแรม 5 ดาว แหล่งรวมความบันเทิงขนาดใหญ่ทั้งโรงภาพยนตร์ ลานสเก็ตน้ำแข็ง พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ ฯลฯ ให้นักท่องเที่ยวมาเยี่ยมชมกันได้ตลอดทั้งวัน เข้าชมฟรี
การเดินทาง
– รถไฟ จากสนามบินสามารถเดินมาขึ้นรถไฟได้ทั้งด้านหน้าเทอร์มินัล 1 (Airport Terminal Station 1) และเทอร์มินัล 3 (Airport Terminal Station 3) เพื่อไปลงที่สถานี Burjuman Station ระยะทางประมาณ 7 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 17 นาที ตัวสถานีจะตั้งอยู่ใจกลางเมือง และเป็นชุมทางหลักของสายรถไฟในเมืองดูไบ
– รถไฟ จากสถานี Burjuman Station ให้ขึ้นรถไฟสายสีแดงไปลงสถานี Burj Khalifa / Dubai Mall Station ระยะทางประมาณ 8 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 21 นาที แล้วเดินต่อไปอีกเล็กน้อยก็จะถึงศูนย์การค้าดูไบ มอลล์
เปิดให้บริการทุกวัน เวลา 10:00 น. – 00:00 น.แต่บางร้านในพื้นที่ศูนย์การค้า อาจมีเวลาปิดทำการที่แตกต่างออกไปเล็กน้อย
6.เที่ยวมัสยิด Sheikh Zayed
มัสยิดหลวงเชคซัยยิด (Sheikh Zayed Grand Mosque) ถือว่าเป็นสถาปัตยกรรมอิสลามร่วมสมัยของประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ทที่โดดเด่น สามารถจุผู้ละหมาดเฉพาะภายในตัวมัสยิดได้ถึง 7,000 คน นอกจากนั้นสามารถใช้พื้นที่ภายนอกรองรับผู้ละหมาดได้มากถึง 40,000 คน มุมของลานมัสยิดด้านนอกถูกสร้างด้วยหินอ่อนสีขาว มีหอคอยยืนโดดเด่นสูงตระหง่าน สวยงาม
มัสยิดแห่งนี้ถูกจัดว่าเป็นมัสยิดที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 4 ของโลก ถูกสร้างขึ้นเพื่อที่จะแสดงให้โลกเห็นถึงความหลากหลายทางวัฒนธรรมของโลกอิสลาม คุณค่าทางประวัติศาสตร์ และความทันสมัยของสถาปัตยกรรมอิสลาม
วิธีการเดินทาง: จากตัวเมืองดูไบ สามารถนั่งรถไฟฟ้าใต้ดินเพื่อไปลงสถานี Ibn Battut จากนั้นต่อรถบัสเพื่อไปที่เมือง อาบูดาบี แล้วเรียก Taxi เพื่อไปลงจุดหมายปลายทางที่มัสยิด
เวลาเปิด-ปิด: สำหรับในเดือนรอมฎอน มัสยิดจะเปิดเวลา 09.00 น – 14.00 น. โดยจะมีไกด์นำชมเฉพาะในเวลา 10.00-11.00 น. เท่านั้น (ยกเว้นวันศุกร์)
7.เที่ยวทะเลทรายอาหรับ ดูไบ
เมืองดูไบ (Dubai) เป็นเมืองที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (United Arab Emirates or UAE) และแถบอ่าวเปอร์เซีย มีความสำคัญทางเศรษฐกิจโดยเป็นเมืองท่าหลักแห่งหนึ่งของโลก ดูไบ ถูกสร้างขึ้นบนผืนทะเลทรายและการถ่มทะเลให้เป็นเมืองทันสมัยล้ำยุค ดูไบตั้งอยู่ติดกับเขตทะเลทราย จึงทำให้ช่วงหน้าร้อนอุณหภูมิจะสูงถึง 40 องศาเซลเซียส และในช่วงฤดูหนาว อุณหภูมิต่ำสุดเฉลี่ยที่ 19 องศาเซลเซียส ช่วงที่เหมาะแก่การไปเที่ยวดูไบมากที่สุด และที่มันส์…สุดๆ ก็คือ การนั่งรถออฟโรดโต้คลื่นในทะเลทรายอันกว้างใหญ่ไพศาล ไม่อย่างนั้นเหมือนเรามาไม่ถึงดูไบ
8.เที่ยวตลาดพื้นเมือง Souk Madinat
Souk Madinat Jumeirah ตั้งอยู่ในศูนย์การค้า Madinat Jumeirah อยู่ห่างจากสถามบินนานาชาติดูไบประมาณ 25 นาที ภายใน Souk Madinat มีร้านค้าและร้านสไตล์บูทิครวมมากกว่า 75 ร้าน จึงมั่นใจได้ว่าต้องมีของที่คุณถูกใจแน่ๆ คุณสามารถเลือกซื้อแบรนด์สินค้านานาชาติได้ที่นี่ หรือจะซื้อข้าวของเครื่องใช้ท้องถิ่นได้จากร้านต่างๆ ได้เหมือนกัน เดินไปเรื่อยๆ แล้วคุณจะพบกับร้านขายของเก่า ของที่ระลึก น้ำหอมและพรม สามารถเดินทางมาได้อย่างสะดวกด้วยระบบขนส่งสาธารณะ เมื่อช้อปปิ้งเสร็จแล้ว อย่าลืมแวะมาที่ร้านอาหารและบาร์สุดทันสมัยที่อยู่ภายในด้วย
Klook.comVisaดูไบ
ขอแนะนำว่าบินกับ Emirate ดีที่สุด เพราะนอกจากจะเป็นสายการบินระดับโลกแล้ว ทางสายการบินยังเป็น Sponcer ในการยื่นขอวีซ่าให้เราด้วย
การที่จะเข้าประเทศนี้ คุณต้องมี Sponcer ซึ่งก็คือสายการบินของ UAE หรือโรงแรมที่อยู่ใน UAE หรือคนที่รู้จักที่อาศัยอยู่ที่นั่นเป็นคนทำเรื่องให้เท่านั้น
เที่ยวดูไบใช้เงินอะไร
คนที่นี่ใช้สกุลเงินที่เรียกว่า “เดอร์แฮ่ม DIRHAM (AED)” โดยมีธนบัตรใช้ในราคา 5, 10, 20, 50, 100, 200, 500 และ 1,000 เดอร์แฮม เหรียญที่ใช้อยู่ในปัจจุบันส่วนใหญ่จะเป็น 25 และ 50 ฟิล (fils) และ 1 เดอร์แฮม โดยทางการยังมีเหรียญที่ใช้ในราคาอื่นๆ ที่ต่ำกว่านี้แต่ไม่เป็นที่นิยม
ทั้งนี้ค่าเงินเดอร์แฮมมีค่าเงินผันผวนตามเงินดอลล่าร์สหรัฐ อัตราแลกเปลี่ยน 100 100 เดอร์แฮมสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เงินไทยประมาณ 870 บาท (ราคาอัตราแลกเปลี่ยน ณ วันที่ 27 ก.ค. 63) ตรวจสอบเหรทเงินและแลกเงิน ได้เลย คลิกที่นี่
ภูมิอากาศดูไบ
ดูไบเป็นเมืองที่มีอากาศแห้งแล้ง ในฤดูร้อนจะมีอุณหภูมิสูงมาก ซึ่งมีอุณหภูมิเฉลี่ยประมาณ 42 องศาเซลเซียส และตอนกลางคืนมีอุณหภูมิต่ำกว่า 30 องศาเซลเซียส ส่วนในฤดูหนาวจะมีอุณหภูมิเฉลี่ยประมาณ 23 องศาเซลเซียส และตอนกลางคืนมีอุณหภูมิต่ำกว่า 14 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิสูงที่สุดที่เคยวัดได้ในดูไบคือ 47.3 องศาเซลเซียส และอุณหภูมิต่ำสุดที่เคยวัดได้คือ 7 องศาเซลเซียส ปริมาณน้ำฝนมีค่อนข้างน้อย ประมาณ 150 มิลลิเมตร (6 นิ้ว) ต่อปี ซึ่งจะมีมากในช่วงเดือนมกราคม กุมภาพันธ์ และมีนาคม อย่างไรก็ตาม ฝนตกหนักที่สุดเคยเกิดขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 1988 มีปริมาณน้ำฝนถึง 150.2 มิลลิเมตรภายใน 24 ชั่วโมง ปริมาณความชื้นในดูไบมีค่าประมาณ 60% และจะสูงกว่านี้ในช่วงเดือนที่มีอากาศเย็น
สนใจเดินทางท่องเที่ยว แบบสุดหรู ชมโปรแกรมทัวร์หรือสอบถามได้เลย คลิก https://povtravel.co.th/
ขอบคุณข้อมูลบางส่วน YINGPOOK.COM , และ วิกิพีเดีย